วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2556
ส่งงาน SST ครั้ง 3
http://www.4shared.com/zip/rf8Tg7c4/mo_online.html
ส่งงาน อาจารย์ บพิตร ตั้งวงศ์กิจ
ครั้งที่ 3
นาย เกียรติภูมิ จุลนิพิฐวงษ์ 5420101076
วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556
โบรชัวร์รถแทรคเตอร์
โบรชัวร์รถแทรคเตอร์
Kioti DS4510
Kioti CX22
Massey Ferguson MF440
รถแทรกเตอร์ KMT ขนาด77
แรงม้า 4 สูบ (4WD)
รถแทรกเตอร์ KMT ขนาด95
แรงม้า 4 สูบ (4WD)
New Holland TC38R
John Deere 6100B
Kubota 108 แรงม้า
Claas Talos 106 55แรงม้า
Claas Talos 230 87แรงม้า
วันพุธที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
ส่งงาน อาจารย์ บพิตร ตั้งวงศ์กิจ ครั้งที่ 2 วันที่ 1 สิงหาคม 2556
ส่งงาน อาจารย์ บพิตร ตั้งวงศ์กิจ
ครั้งที่ 2 วันที่ 1 สิงหาคม 2556
นาย เกียรติภูมิ จุลนิพิฐวงษ์ 5420101076
วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
เชียงแสน ดินแดนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ
สถาปัตยกรรม เชียงแสน
ที่ซุ่มซ่อนตัวอยู่หลังแนวกำบังของหุบเขาราวกับจะหลบเร้นตัวเองจากยุคสมัย
และความไหลบ่าของนักท่องเที่ยว ที่พร้อมจะท้าทายวิถีชีวิตและขนบธรรมเนียมล้านนาไท
ทว่าอีกด้านหนึ่ง การมาถึงของอารยธรรม
และความรุ่งเรืองกลับเป็นสัจธรรมที่ยากจะหลีกหนีได้
ในฐานะประตูม่านย้อยเชื่อมร้อยสามดินแดน บรรจบกันจนแน่นแฟ้น ที่เรียกว่า ดินแดนสบรวก
หรือ สามเหลี่ยมทองคำ อันเลื่องชื่อ
“เชียงแสน” เดิมคือ
อาณาจักรใหญ่ที่สำคัญในดินแดนภาคเหนือ
ทว่ากลับอาภัพดังเมืองที่ถูกสาปให้อยู่ภายใต้ ความตึงเครียดของคมหอกแห่งสงคราม
และความอึมครึมของการค้าฝิ่นมาช้านาน ก่อนจะได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
โดยมีร่องรอยของอดีตกาลเหลือไว้เป็นเครื่องเตือนใจ ให้ใครที่ใครจะศึกษาผ่านทาง
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงแสน ได้เก็บเกี่ยวเป็นความรู้ไว้
หรือจะเดินทอดน่องท่องตัวอำเภอเชียงแสนในแบบสบายๆ
ก็ยังคงมีกลิ่นอายของรากเหง้าวัฒนธรรมเก่าแก่เจือจางให้ได้เห็นเชียงแสนในวันนี้
ยังคงดำเนินตามวิถีที่เรียบง่ายแบบฝังรากลงลึกกับภูมิปัญญาท้องถิ่น การกิน การค้า
สันทนาการ แม้ปากแม่น้ำสามเหลี่ยมทองคำจะยังคงคลาคล่ำไปด้วยกาสิโน
โอ้อวดยวนเย้าเหล่านักเสี่ยงโชคจากพม่า ลาว และไทย จนกลายเป็นอีกหนึ่งวิถีชีวิตและภาพจำที่ติดตา
เส้นทางสายใหม่ที่ถูกตัดผ่านเข้าสู่ตัว
อ.แม่สาย รองรับความสะดวกสบายในอนาคต ยังแฝงไว้ด้วยความท้าทาย
ให้นักผจญภัยหัวใจแกร่งควบบิ๊กไบค์สองล้อสัญจรท่องเที่ยวเก็บเกี่ยวบรรยากาศเมืองเหนือ
ที่เหลือคือการตาม รอยอารยธรรมเชียงแสน มรดกโลกล้ำค่าแห่งล่าสุดอายุ 750 ปี
ที่ล่วงผ่านวาระการเฉลิมฉลองไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา
อีกฟากหนึ่งสู่เชียงแสนที่สะดวกสบายกว่า
หากเดินทางจากตัวเมืองเชียงรายเพียงไม่กี่อึดใจ ประตูสู่เชียงแสนด่านแรก
คือเมืองเล็กๆ ที่สงบเงียบ เมื่อย่ำแรกในเมืองเชียงแสนอาจชวนให้แปลกตา
หากพบว่าซากกำแพงเมืองโบราณรกร้าง ตามหัวมุมต่างๆ
รอบเมืองยังคงหลอมรวมกับวิถีชุมชนสมัยใหม่
ใครก็ตามที่ไม่พิศมัยในวิถีการค้าและแหล่งบันเทิงร่วมสมัย
ความสงบเงียบร่มเย็นในบรรยากาศดั่งต้องมนต์ของชุมชนแห่งนี้
ก็มีเสน่ห์พอยามปรารถนาจะหลบลี้หนีความวุ่นวาย ค้นพบได้จากความร่มเย็น ณ
วัดพระธาตุเจดีย์หลวง
ตลอดรวมถึงประติมากรรมเก่าแก่จากยุคพ่อขุนเม็งรายที่จะหาชมได้เต็มตาที่
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงแสน ตลอดจน เมืองโบราณ
จุดชมเมืองเก่าเพื่อย้อนรำลึกถึงความรุ่งเรืองแห่งอาณาจักรล้านนา
เชียงแสน
ในอดีตก่อนจะหลอมรวมมาเป็นแผ่นดินเดียว กับ เชียงราย ดังเช่นทุกวันนี้
เคยเป็นดินแดนในครอบครองของเงี้ยว ซึ่งเป็นอริรบร่วมกันกับกองโจรพม่า
การสู้รบทำลายสถาปัตยกรรมอันมีค่าของเมืองเชียงแสนจนแทบจะหมดสิ้น ดังบันทึกของ
คาร์ล บ็อค นักธรรมชาติวิทยาผู้เข้ามาสำรวจประเทศสยาม ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้บันทึกเรื่องราวประวัติศาสตร์
ผ่านลายเส้นเอาไว้ดังนี้ว่า “…..เมืองนี้มีซากปรักหักพังซึ่งมีสถาปัตยกรรมที่แปลกตา
ฝีมือประณีตพระเจดีย์บางองค์ ประดับด้วยลวดลายแกะสลัก แต่ทุกองค์ก็ถูกบุกรุกทำลาย
ลักเอาของมีค่า ไปจนหมดสิ้น……ตามพื้นดินมีพระพุทธรูปสำริดกองอยู่เกลื่อนกลาด
บางองค์ก็มีขนาดใหญ่โตมาก พวกเงี้ยวยังคงมาทำการสักการะ
เพราะเป็นปูชนียสถานที่พวกเขานับถือ แต่ถูกพวกเชียงราย (รากเหง้าคนไทยในปัจจุบัน)
มาบุกรุกทำลาย…..” จากบันทึกของบ็อคบ่งบอกได้ถึงความรุ่งเรืองของเมืองเชียงแสน
ว่าเคยยิ่งใหญ่ป่านใด แต่ที่น่าสลดใจก็คือ
แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังนำพระพุทธรูป จากซากพระเจดีย์กลับยุโรปไป เป็นจำนวนมาก
ยิ่งทำให้น่าเสียดายว่าแม้แต่ความงามอันทรงคุณค่า
ก็ยังพ่ายแพ้ต่อกิเลสตัณหาของมนุษย์อยู่ดี ไม่ว่าจะยุคไหนสมัยไหน
ชัยภูมิสำคัญอีกด่านหนึ่ง ของเชียงแสนคือที่ประดิษฐานของ พระพุทธนวล้านตื๊อ
พระพุทธรูปองค์สำคัญหล่อด้วยทองคำสำริดดูแววาวราวถูกหลอมขึ้นใหม่
เหตุเพราะเป็นองค์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อทดแทนองค์เดิม
ที่จมลงสู่เบื้องล่างของลุ่มน้ำโขง
จุดนี้โยงใยเข้ากับบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำที่เป็นจุดชมวิวตะวันยามพลบค่ำ
ที่สวยงามเพลินตา หากอากาศดี จะล่องเรือกลางลำน้ำโขง สัมผัสจิตวิญญาณและการเดินทางที่ต่อยอดสู่สิบสองปันนา
ก็จะยิ่งเป็นการเดินทางที่คุ้มค่าน่าจดจำ
ท้องถนนในตัวอำเภอ เชียงแสน
ไม่ได้ทำลายมรดกทางสถาปัตยกรรมจากยุคเก่าฉันท์ใด สถาปัตยกรรมกลางเก่า-กลางใหม่
อย่างตู้ไปรษณีย์โบราณก็ยังคงมีให้เห็นอยู่ อิฐมอญเก่าแก่ตัวแทนที่ยังหลงเหลือของกำแพงเมืองในยุคโบราณ
ทิวทัศน์ริมฝั่งโขงแห่งนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่อาหารตา
หากแวะมารองท้องหรือต้องการอิ่มหนำย่ำบรรยากาศกับมื้อพิเศษแล้ว
ความสุขข้างทางจากแผงขายปลาช่อนกระบอก หยอกเย้ากับลมเอื่อยๆ ริมฝั่งสบรวก
หรือมุมกินเที่ยวแบบสะดวก กับตลาดโต้รุ่ง เรียบง่ายในบรรยากาศแบบชาวบ้านในตัวอำเภอ
เป็นความเคลื่อนไหวที่ยังรอต้อนรับทุกชีวิต
ที่มุ่งผ่านสู่เชียงแสนยามแวะพักให้เราทักทาย
เพื่อเก็บแรงไว้พบกับความท้าทายของทริปต่อไป
เช้าสายบ่ายค่ำ เราเดินทางตามใจปรารถนารอบเมือง
เชียงแสน สูดกลิ่นไอวัฒนธรรมล้านนาจนชุ่มปอด ต่อยอดการเดินทาง
ด้วยการค้นหาแหล่งอารยธรรมเดิมของเมืองเหนือ
ข้ามพรมแดนสู่ประเทศเพื่อนบ้านผ่านปากแม่น้ำอันมีประวัติยาวนาน
พบพานเพื่อนร่วมทางที่แตกต่างหลากหลายในแนวคิด แต่มีจิตใจเดียวกันคือการค้นหา
เพื่อหวังว่าจะได้กลับมาเยือนอีกครั้ง… โดยหวังว่าศักราชใหม่ๆ
จะไม่พัดพาเอาความเปลี่ยนแปลงของวัฒนธรรมมาเบียดบังความงามดังเช่นเมืองเก่าอีกหลายๆ
เมืองที่เราต้องจำใจบอกลา
บทความน่าอ่านจาก http://www.emaginfo.com ร่วมกับ travel.mthai.com
ท้องถนนในตัวอำเภอ เชียงแสน
ไม่ได้ทำลายมรดกทางสถาปัตยกรรมจากยุคเก่าฉันท์ใด สถาปัตยกรรมกลางเก่า-กลางใหม่
อย่างตู้ไปรษณีย์โบราณก็ยังคงมีให้เห็นอยู่ อิฐมอญเก่าแก่ตัวแทนที่ยังหลงเหลือของกำแพงเมืองในยุคโบราณ
ทิวทัศน์ริมฝั่งโขงแห่งนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่อาหารตา
หากแวะมารองท้องหรือต้องการอิ่มหนำย่ำบรรยากาศกับมื้อพิเศษแล้ว
ความสุขข้างทางจากแผงขายปลาช่อนกระบอก หยอกเย้ากับลมเอื่อยๆ ริมฝั่งสบรวก
หรือมุมกินเที่ยวแบบสะดวก กับตลาดโต้รุ่ง เรียบง่ายในบรรยากาศแบบชาวบ้านในตัวอำเภอ
เป็นความเคลื่อนไหวที่ยังรอต้อนรับทุกชีวิต
ที่มุ่งผ่านสู่เชียงแสนยามแวะพักให้เราทักทาย
เพื่อเก็บแรงไว้พบกับความท้าทายของทริปต่อไป
เช้าสายบ่ายค่ำ เราเดินทางตามใจปรารถนารอบเมือง
เชียงแสน สูดกลิ่นไอวัฒนธรรมล้านนาจนชุ่มปอด ต่อยอดการเดินทาง
ด้วยการค้นหาแหล่งอารยธรรมเดิมของเมืองเหนือ
ข้ามพรมแดนสู่ประเทศเพื่อนบ้านผ่านปากแม่น้ำอันมีประวัติยาวนาน
พบพานเพื่อนร่วมทางที่แตกต่างหลากหลายในแนวคิด แต่มีจิตใจเดียวกันคือการค้นหา
เพื่อหวังว่าจะได้กลับมาเยือนอีกครั้ง… โดยหวังว่าศักราชใหม่ๆ
จะไม่พัดพาเอาความเปลี่ยนแปลงของวัฒนธรรมมาเบียดบังความงามดังเช่นเมืองเก่าอีกหลายๆ
เมืองที่เราต้องจำใจบอกลา
Review กล้อง CANON 700d
เดือนมีนาคม
2556 ที่ผ่านมา แคนนอนได้ฤกษ์เปิดตัวกล้องดิจิตอล SLR สำหรับผู้เริ่มต้นรุ่นใหม่ นั่นคือ EOS 700D ออกมาแทนรุ่น EOS 650D ที่วางจำหน่ายยังไม่ทันครบปีดีนัก
โดยใช้บอดี้แทบจะไม่ต่างกับ EOS 650D เดิม
แต่ปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพการใช้งานให้ดีมากยิ่งขึ้น หากคุณมีกล้องรุ่น EOS 600D อยู่ซึ่งออกมานานร่วม 2 ปีแล้ว
หรือไม่ได้เพิ่งซื้อกล้องรุ่น EOS 650D กล้องรุ่น EOS 700D นี้นับเป็นกล้องที่น่าสนใจมากทีเดียวครับ
เดือนมีนาคม
2556 ที่ผ่านมา แคนนอนได้ฤกษ์เปิดตัวกล้องดิจิตอล SLR สำหรับผู้เริ่มต้นรุ่นใหม่ นั่นคือ EOS 700D ออกมาแทนรุ่น EOS 650D ที่วางจำหน่ายยังไม่ทันครบปีดีนัก
โดยใช้บอดี้แทบจะไม่ต่างกับ EOS 650D เดิม
แต่ปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพการใช้งานให้ดีมากยิ่งขึ้น หากคุณมีกล้องรุ่น EOS 600D อยู่ซึ่งออกมานานร่วม 2 ปีแล้ว
หรือไม่ได้เพิ่งซื้อกล้องรุ่น EOS 650D กล้องรุ่น EOS 700D นี้นับเป็นกล้องที่น่าสนใจมากทีเดียวครับ
คุณสมบัติเด่นที่น่าสนใจของ
Canon
EOS 700D ใหม่ อาทิ
เซ็นเซอร์รับภาพขนาด APS-C 'Hybrid CMOS' sensor ความละเอียด 18 ล้านพิกเซล
ออกแบบโดยรวมชุดเซ็นเซอร์ออโต้โฟกัสแบบ Phase-detection AF อยู่ในชุดเดียวกับเซ็นเซอร์รับภาพ ทำให้ระบบออโต้โฟกัสเมื่อใช้โหมด Live View และ Video ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ
สามารถปรับออโต้โฟกัสแบบต่อเนื่องได้เมื่อใช้โหมดวิดีโอบันทึกสิ่งเคลื่อนไหวที่มีการเคลื่อนที่ไปมา
พร้อมเลนส์คิทใหม่ 18-55 มม. STM ใช้มอเตอร์โฟกัสแบบ stepper motor โฟกัสได้รวดเร็วและเงียบ
ปราศจากเสียงดังรบกวน เหมาะสำหรับการใช้งานบันทึกวิดีโอ สำหรับชิปประมวลผลใหม่ 14-bit DIGIC 5
processor นอกจากประมวลผลด้วยความเร็วสูงแล้ว
ยังให้ไฟล์ภาพที่มีคุณภาพดีเยี่ยม แสดงสีได้ 14 บิต/สี
ให้รายละเอียดภาพและเฉดสีที่สวยงาม สมจริงตามธรรมชาติ มีช่วงความไวแสงกว้าง ISO 100-12800 ขยายเพิ่มได้เป็น 25600 ใช้ถ่ายภาพได้เป็นอย่างดีในทุกสภาพแสง
และสามารถใช้ความเร็วชัตเตอร์สูงๆ เพื่อหยุดสิ่งเคลือนไหวได้อย่งง่ายดาย
พร้อมระบบถ่าภาพต่อเนื่องความเร็วสูงสุด 5 เฟรม/วินาที
เซ็นเซอร์ออโต้โฟกัสออกแบบใหม่ วางเซ็นเซอร์แบบคู่ หรือกากบาททั้ง 9 จุด รองรับการใช้งานกับเลนส์ F2.8 ( เหมือนกับรุ่น EOS 60D ) ทางด้านระบบวัดแสงแบ่งพื้นที่ 63 โซน วิเคราะห์ค่าแสงได้อย่างแม่นยำ
การบันทึกวิดีโอให้ความละเอียดสูงสุดระดับ 1080p ที่ความเร็ว
30 เฟรม/วินาที เลือกเฟรมเรทได้
และใช้จอมอนิเตอร์ LCD แบบเปิดออกทางด้านข้าง
พลิกหมุนได้รอบ อัตราส่วน 3:2 ความคมชุดสูง
1.04
ล้านพิกเซล
ระบบออโต้โฟกัสEOS 700D ใหม่ วางตำแหน่งเซ็นเซอร์โฟกัสแบบกากบาท 9 จุด ตามภาพทางด้านบน (รองรับเลนส์ f/2.8 หรือกว้างกว่าเฉพาะตรงกลาง) โฟกัสได้อย่างรวดเร็วทันใจ สามารถปรับออโต้โฟกัสได้แม้ในที่มืด
ปริมาณแสงน้อยต่ำสุด EV -0.5 เลือกโหมดออโต้โฟกัสได้ 3 แบบคือ AI Focus, One Shot, AI Servo
และเลือกจุดโฟกัสได้ 2 แบบคือ อัตโนมัติและเลือกจุดโฟกัสเอง
กรณีให้กล้องเลือกจุดโฟกัสอัตโนมัติ กล้องจะปรับโฟกัสสิ่งที่อยู่ทางด้านหน้าสุด
และโฟกัสได้อย่างถูกต้องไม่ว่าสิ่งที่ต้องการ ดังเช่นภาพนกเงือกทางด้านบน
จะอยู่ทางซ้าย หรือขวา
หรือตำแหน่งใดก็ตามที่ตรงกับจุดโฟกัสจุดใดจุดหนึ่งหรือมากกว่าจากทั้ง 9 จุด โดยเลือกจุดโฟกัสได้จากในช่องมองภาพ
ซึ่งจะแสดงจุดโฟกัสเป็นจุดสีแดง หรือเลือกจากจอมอนิเตอร์ LCD ปรับเลือกจุดโฟกัสโดยใช้แป้นหมุนควบคุมเลือกคำสั่งหลักทางด้านหน้า
หรือปุ่มกด 4 ทิศทางด้านหลัง จุดสีส้มที่ปรากฏบนจอมอนิเตอร์ LCD คือจุดที่ถูกเลือกใช้งาน กรณีถ่ายภาพในที่มืดหรือแสงน้อย
มีไฟช่วยหาโฟกัสในตัว ระยะการใช้งานประมาณ 4 เมตร
โดยใช้แสงจากแฟลชในตัวกล้องส่องสว่างเพิ่มคอนทราสท์ทำให้กล้องสามารถปรับโฟกัสได้แม้ในที่มืดหรือสภาพแสงที่น้อยมาก
อย่างไรก็ตามแสงช่วยหาโฟกัสจะไม่ทำงานเมื่อใช้โหมดบันทึกภาพอัตโนมัติปิดแฟลช
โหมดถ่ายภาพทิวทัศน์ และโหมดถ่ายภาพกีฬา
และใช้แสงช่วยหาโฟกัสไม่ได้เมื่อเลือกโหมดออโต้โฟกัสแบบ AI Servo กรณ๊ใช้โหมดบันทึกภาพมาตรฐาน PSAM ต้องกดปุ่มเปิดแฟลชก่อนจึงจะใช้ฟังก์ชั่นแสงช่วยหาโฟกัสได้
ในโหมดออโต้โฟกัส สามารถล๊อคโฟกัสได้โดยกดปุ่มชัตเตอร์ลงครึ่งหนึ่ง
และใช้โหมดโฟกัสแบบ One Shot AF mode ส่วนการปรับโฟกัสอัตโนมัติแบบต่อเนื่องติดตามการเคลื่อนที่
ต้องใช้โหมดโฟกัสแบบ AI Servo
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)