สถาปัตยกรรม เชียงแสน
ที่ซุ่มซ่อนตัวอยู่หลังแนวกำบังของหุบเขาราวกับจะหลบเร้นตัวเองจากยุคสมัย
และความไหลบ่าของนักท่องเที่ยว ที่พร้อมจะท้าทายวิถีชีวิตและขนบธรรมเนียมล้านนาไท
ทว่าอีกด้านหนึ่ง การมาถึงของอารยธรรม
และความรุ่งเรืองกลับเป็นสัจธรรมที่ยากจะหลีกหนีได้
ในฐานะประตูม่านย้อยเชื่อมร้อยสามดินแดน บรรจบกันจนแน่นแฟ้น ที่เรียกว่า ดินแดนสบรวก
หรือ สามเหลี่ยมทองคำ อันเลื่องชื่อ
“เชียงแสน” เดิมคือ
อาณาจักรใหญ่ที่สำคัญในดินแดนภาคเหนือ
ทว่ากลับอาภัพดังเมืองที่ถูกสาปให้อยู่ภายใต้ ความตึงเครียดของคมหอกแห่งสงคราม
และความอึมครึมของการค้าฝิ่นมาช้านาน ก่อนจะได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
โดยมีร่องรอยของอดีตกาลเหลือไว้เป็นเครื่องเตือนใจ ให้ใครที่ใครจะศึกษาผ่านทาง
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงแสน ได้เก็บเกี่ยวเป็นความรู้ไว้
หรือจะเดินทอดน่องท่องตัวอำเภอเชียงแสนในแบบสบายๆ
ก็ยังคงมีกลิ่นอายของรากเหง้าวัฒนธรรมเก่าแก่เจือจางให้ได้เห็นเชียงแสนในวันนี้
ยังคงดำเนินตามวิถีที่เรียบง่ายแบบฝังรากลงลึกกับภูมิปัญญาท้องถิ่น การกิน การค้า
สันทนาการ แม้ปากแม่น้ำสามเหลี่ยมทองคำจะยังคงคลาคล่ำไปด้วยกาสิโน
โอ้อวดยวนเย้าเหล่านักเสี่ยงโชคจากพม่า ลาว และไทย จนกลายเป็นอีกหนึ่งวิถีชีวิตและภาพจำที่ติดตา
เส้นทางสายใหม่ที่ถูกตัดผ่านเข้าสู่ตัว
อ.แม่สาย รองรับความสะดวกสบายในอนาคต ยังแฝงไว้ด้วยความท้าทาย
ให้นักผจญภัยหัวใจแกร่งควบบิ๊กไบค์สองล้อสัญจรท่องเที่ยวเก็บเกี่ยวบรรยากาศเมืองเหนือ
ที่เหลือคือการตาม รอยอารยธรรมเชียงแสน มรดกโลกล้ำค่าแห่งล่าสุดอายุ 750 ปี
ที่ล่วงผ่านวาระการเฉลิมฉลองไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา
อีกฟากหนึ่งสู่เชียงแสนที่สะดวกสบายกว่า
หากเดินทางจากตัวเมืองเชียงรายเพียงไม่กี่อึดใจ ประตูสู่เชียงแสนด่านแรก
คือเมืองเล็กๆ ที่สงบเงียบ เมื่อย่ำแรกในเมืองเชียงแสนอาจชวนให้แปลกตา
หากพบว่าซากกำแพงเมืองโบราณรกร้าง ตามหัวมุมต่างๆ
รอบเมืองยังคงหลอมรวมกับวิถีชุมชนสมัยใหม่
ใครก็ตามที่ไม่พิศมัยในวิถีการค้าและแหล่งบันเทิงร่วมสมัย
ความสงบเงียบร่มเย็นในบรรยากาศดั่งต้องมนต์ของชุมชนแห่งนี้
ก็มีเสน่ห์พอยามปรารถนาจะหลบลี้หนีความวุ่นวาย ค้นพบได้จากความร่มเย็น ณ
วัดพระธาตุเจดีย์หลวง
ตลอดรวมถึงประติมากรรมเก่าแก่จากยุคพ่อขุนเม็งรายที่จะหาชมได้เต็มตาที่
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงแสน ตลอดจน เมืองโบราณ
จุดชมเมืองเก่าเพื่อย้อนรำลึกถึงความรุ่งเรืองแห่งอาณาจักรล้านนา
เชียงแสน
ในอดีตก่อนจะหลอมรวมมาเป็นแผ่นดินเดียว กับ เชียงราย ดังเช่นทุกวันนี้
เคยเป็นดินแดนในครอบครองของเงี้ยว ซึ่งเป็นอริรบร่วมกันกับกองโจรพม่า
การสู้รบทำลายสถาปัตยกรรมอันมีค่าของเมืองเชียงแสนจนแทบจะหมดสิ้น ดังบันทึกของ
คาร์ล บ็อค นักธรรมชาติวิทยาผู้เข้ามาสำรวจประเทศสยาม ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้บันทึกเรื่องราวประวัติศาสตร์
ผ่านลายเส้นเอาไว้ดังนี้ว่า “…..เมืองนี้มีซากปรักหักพังซึ่งมีสถาปัตยกรรมที่แปลกตา
ฝีมือประณีตพระเจดีย์บางองค์ ประดับด้วยลวดลายแกะสลัก แต่ทุกองค์ก็ถูกบุกรุกทำลาย
ลักเอาของมีค่า ไปจนหมดสิ้น……ตามพื้นดินมีพระพุทธรูปสำริดกองอยู่เกลื่อนกลาด
บางองค์ก็มีขนาดใหญ่โตมาก พวกเงี้ยวยังคงมาทำการสักการะ
เพราะเป็นปูชนียสถานที่พวกเขานับถือ แต่ถูกพวกเชียงราย (รากเหง้าคนไทยในปัจจุบัน)
มาบุกรุกทำลาย…..” จากบันทึกของบ็อคบ่งบอกได้ถึงความรุ่งเรืองของเมืองเชียงแสน
ว่าเคยยิ่งใหญ่ป่านใด แต่ที่น่าสลดใจก็คือ
แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังนำพระพุทธรูป จากซากพระเจดีย์กลับยุโรปไป เป็นจำนวนมาก
ยิ่งทำให้น่าเสียดายว่าแม้แต่ความงามอันทรงคุณค่า
ก็ยังพ่ายแพ้ต่อกิเลสตัณหาของมนุษย์อยู่ดี ไม่ว่าจะยุคไหนสมัยไหน
ชัยภูมิสำคัญอีกด่านหนึ่ง ของเชียงแสนคือที่ประดิษฐานของ พระพุทธนวล้านตื๊อ
พระพุทธรูปองค์สำคัญหล่อด้วยทองคำสำริดดูแววาวราวถูกหลอมขึ้นใหม่
เหตุเพราะเป็นองค์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อทดแทนองค์เดิม
ที่จมลงสู่เบื้องล่างของลุ่มน้ำโขง
จุดนี้โยงใยเข้ากับบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำที่เป็นจุดชมวิวตะวันยามพลบค่ำ
ที่สวยงามเพลินตา หากอากาศดี จะล่องเรือกลางลำน้ำโขง สัมผัสจิตวิญญาณและการเดินทางที่ต่อยอดสู่สิบสองปันนา
ก็จะยิ่งเป็นการเดินทางที่คุ้มค่าน่าจดจำ
ท้องถนนในตัวอำเภอ เชียงแสน
ไม่ได้ทำลายมรดกทางสถาปัตยกรรมจากยุคเก่าฉันท์ใด สถาปัตยกรรมกลางเก่า-กลางใหม่
อย่างตู้ไปรษณีย์โบราณก็ยังคงมีให้เห็นอยู่ อิฐมอญเก่าแก่ตัวแทนที่ยังหลงเหลือของกำแพงเมืองในยุคโบราณ
ทิวทัศน์ริมฝั่งโขงแห่งนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่อาหารตา
หากแวะมารองท้องหรือต้องการอิ่มหนำย่ำบรรยากาศกับมื้อพิเศษแล้ว
ความสุขข้างทางจากแผงขายปลาช่อนกระบอก หยอกเย้ากับลมเอื่อยๆ ริมฝั่งสบรวก
หรือมุมกินเที่ยวแบบสะดวก กับตลาดโต้รุ่ง เรียบง่ายในบรรยากาศแบบชาวบ้านในตัวอำเภอ
เป็นความเคลื่อนไหวที่ยังรอต้อนรับทุกชีวิต
ที่มุ่งผ่านสู่เชียงแสนยามแวะพักให้เราทักทาย
เพื่อเก็บแรงไว้พบกับความท้าทายของทริปต่อไป
เช้าสายบ่ายค่ำ เราเดินทางตามใจปรารถนารอบเมือง
เชียงแสน สูดกลิ่นไอวัฒนธรรมล้านนาจนชุ่มปอด ต่อยอดการเดินทาง
ด้วยการค้นหาแหล่งอารยธรรมเดิมของเมืองเหนือ
ข้ามพรมแดนสู่ประเทศเพื่อนบ้านผ่านปากแม่น้ำอันมีประวัติยาวนาน
พบพานเพื่อนร่วมทางที่แตกต่างหลากหลายในแนวคิด แต่มีจิตใจเดียวกันคือการค้นหา
เพื่อหวังว่าจะได้กลับมาเยือนอีกครั้ง… โดยหวังว่าศักราชใหม่ๆ
จะไม่พัดพาเอาความเปลี่ยนแปลงของวัฒนธรรมมาเบียดบังความงามดังเช่นเมืองเก่าอีกหลายๆ
เมืองที่เราต้องจำใจบอกลา
บทความน่าอ่านจาก http://www.emaginfo.com ร่วมกับ travel.mthai.com